วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

วันที่ 14 ของทุกเดือนสำคัญกับวัยรุ่นเกาหลี ยังไงกัน????

14 มกราคม = Diary Day
เป็นวันที่คู่รักจะแลกสมุดไดอารี่เพื่อเขียนบันทึกเรื่องราวความรู้สึกดีทีที่มีต่ออีกฝ่ายตลอดปีนี้



14 กุมภาพันธ์ = Valentine''s Day
เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ แต่เกาหลีจะเหมือนญี่ปุ่นที่ฝ่ายหญิงจะมอบช็อคโกแล็ตหรือของขวัญให้ฝ่ายชาย

14 มีนาคม = White Day
คราวนี้ผู้ชายก็ต้องตอบแทนช็อคโกแล็ตหรือของขวัญให้ฝ่ายหญิงบ้าง

14 เมษายน = Black Day
บ้านเราฉลองสงกรานต์ แต่ที่เกาหลีเป็นวันที่คนโสดและไม่ได้รับของขวัญหรือช็อคโกแลตในวันวาเลนไทน์หรือไวท์เดย์ จะออกมารวมตัวกันรับประทานจาจังมยอน หรือบะหมีราดซอลสีดำกัน อ๊ะๆ แต่คนโสดอย่าพึ่งเสียใจไป บางทีนี่อาจเป็นโอกาสให้เกิดคู่รักคู่ใหม่ก็ได้นะ ประมาณว่านั่งกินก๋วยๆ ที่บอกว่าตัวเองโสด ต่างฝ่ายต่างเห็นก็ว่าโสด แล้วอาจจะปิ๊งกันก็ได้

14 พฤษภาคม = Rose Day
ชื่อก็บอกว่าดอกกุหลาบเพราะงั้นคู่รักจะมอบดอกกุหลาบให้กัน แต่วันนี้มีงานพิเศษอีกงานสำหรับคนโสคค่ะ คือ...Yellow Day เป็นวันสำหรับหนุ่มโสดหรือสาวโสดที่ไม่ได้กินจาจังมยอนใน Black Day ไปกินแกงกะหรีกันในวันนี้

14 มิถุนายน = Kiss Day
เป็นวันที่คู่รักจะจุมพิตกันเพื่อยืนยันความรักของตน ที่เราจะคิสกะแฟนกลางถนน ที่สถานนีรถไฟที่คนผ่านเยอาะ ประมานว่าประกาศให้ประชาชีรู้ว่าเรารักกัน อะไรทำนองนี้

14 กรกฎาคม = Silver Day
เป็นวันที่คู่รักจะแลกแหวนเงินกันในวันนี้ บางแหล่งยังบอกว่าสำหรับคนโสดเป็น Blue Day วันที่เราจะใส่เสื้อผ้าสีฟ้าแล้วออกไปร่อนให้มันส์ไปเลย

14 สิงหาคม = Green Day
ไม่เกี่ยวกับวงดนตรี หรือ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรอกนะคะ แต่จะเป็นวันที่คนโสดจะก๊งโชจูยี่ห้อ โชจูเขียว(Green Soju) ส่วนคนมีคู่ก็จะใส่ชุดสีเขียวเดีนเคียงคู่กันในทางเดินที่ปูด้วยไม้

14 กันยายน = Music Day
เป็นวันที่คู่รักจะนำเพลงมาแลกเปลี่ยนกับคนรัก ซึ่งจากแหล่งที่ไปค้นมาบอกว่า Music Day เป็นวันที่ 14 สิงหาคม ส่วนวันที่ 14 กันยาเป็น Photo Day ที่เราจะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับคนรักในสถานที่ดีๆ แต่บางแหล่งก็บอกว่า เป็นทั้ง Music Day และ Photo Day

14 ตุลาคม = Red Day
เป็นวันที่คนโสดไร้คู่จะไปกินต๊อกโบกี้ หรือขนมแป้งผัดซอสเผ็ดที่ แชคยองเคยหลบชินออกมากินหน้าโรงเรียนกับเพื่อนๆ จุดประสงค์ก็ไม่ต่างจากการกินจาจังมยอนใน Black Day เท่าไหร่
ซึ่งแหล่งข้อมูลบางที่บอกว่าวันนี้คือ Wine Day วันที่คู่รักจะดื่มไวน์กัน ส่วนRed Day จะอยู่ในวันที่ 14 มิถุนายน วันเดียวกับ Kiss Day (ประมาณว่าคนอื่นจูบกันจนปากเจ่อ เราก็กินต๊อกโบกี้เผ็ดๆจนปากเจ่อเหมือนกัน)

11 พฤศจิกายน = Peppero Day
เป็นวันที่เราจะมอบขนมเป็บเปอโร่ให้กับคนที่เราชอบ (หรือที่รู้จักกันในอีกบริษัทนึงก็คือ ป๊อกกี้)







14 พฤศจิกายน = Orange & Movie Day
เป็นวันที่คู่รักจะจับมือกันพาไปดูหนัง และดื่มน้ำส้มด้วยกัน

14 ธันวาคม = Hug Day
เป็นวันที่เราจะกอดคนที่เรารัก บางแหล่งบอกว่า Hug Day เป็นวันที่ 14 พฤศจิกายน ส่วนวันนี้เป็น Money Day ที่คู่รักจะจ่ายเงินเต็มที่เพื่อซื้อของให้แฟน วันแห่งความรักของเกาหลีใต้





วันที่ 11/11 ของทุกปี
ที่เกาหลีใต้ จะมีเทศกาลอยู่เทศกาลหนึ่ง
เรียกว่า เปเปโร่ (pepero)
เป็นเทศกาลแห่งความรักอีกเทศกาลหนึ่งในเกาหลีใต้
ที่เหล่าคนรัก เพื่อนรัก หรือคนในครอบครัว
จะมอบความรักให้แก่กันผ่าน แท่งขนมปังเคลือบช๊อกโกแล๊ต
แท่งช๊อคโกแลตชนิดนั้น บ้านเราก็เรียกว่า ป๊อกกี้

วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557

8 เรื่องจริงในเกาหลี



8.บนรถไฟใต้ดินที่เกาหลี จะมีคนเอาของขึ้นมาขายบ่อยๆ
บนรถไฟใต้ดินที่เกาหลี จะมีคนเอาของขึ้นมาขายบ่อยๆ แล้วจะพูดขายของเสียงดังมาก โดยส่วนมากจะลากใส่รถเข็นขึ้นมา ที่เห็นบ่อยๆ ก็เช่น ถุงใส่ผ้า ยาขัดรองเท้า ถุงเท้า


10 เรื่องจริงน่ารู้เกี่ยวกับคนเกาหลีใต้ รูปที่ 10

7.เด็กนักเรียนเกาหลีแทบทุกคนต้องเรียนพิเศษ
 เด็กนักเรียนเกาหลีแทบทุกคนต้องเรียนพิเศษ การเรียนพิเศษเลิก 4 ทุ่มทุกวันถือเป็นเรื่องธรรมดา ช่วงสอบปลายภาคอาจมีคอร์สพิเศษเปิดสอนถึงตี 2 โดยเฉพาะวิชาเลขเป็นวิชาที่เด็กเกาหลีทุ่มเทมากๆๆ

10 เรื่องจริงน่ารู้เกี่ยวกับคนเกาหลีใต้ รูปที่ 4

6. ชุดนักเรียนเกาหลีราคาแพง

ชุดนักเรียนเกาหลีราคาแพงมากกกกกกกกก ชุดนึงตกประมาณ 7-8 พันบาทจนไปถึงเป็นหมื่นบาท

10 เรื่องจริงน่ารู้เกี่ยวกับคนเกาหลีใต้ รูปที่ 5

5.ใส่ชุดนักเรียนตัวเล็ก
นักเรียนบางคนจะใส่ชุดนักเรียนตัวเล็กจน รัดมาก (แต่ส่วนมากจะใส่เสื้อทับนะ)


4.การกินเหล้าของคนเกาหลี
เวลาคนเกาหลีไม่ว่าจะเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนทั่วไปไปกินเหล้า ส่วนมากหลังจากเปิดขวด จะใช้แก้วใบเดียวรินเหล้าแล้วค่อยๆ ดื่มทีละคน แล้ววนกันไปจนครบทุกคนก่อน 1 รอบโดยใช้แก้วใบเดียวกัน หลังจากนั้นค่อยต่างคนต่างดื่ม แก้วใครแก้วมัน


3.คนเกาหลีกินหมา
 ที่ว่าคนเกาหลีกินหมานั้นเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ใช่ทุกคน หาได้ง่ายตามต่างจังหวัด ส่วนเมืองหลวง (กรุงโซล) อาจหายากหน่อยแต่ก็ไม่ยากเกินไป นอกจากหมาแล้ว แมวก็กินด้วย


2.คนเกาหลีจะนิยมส่งเมสเสจหากัน
 คนเกาหลีจะนิยมส่งเมสเสจหากันมากกว่าโทรไปหาโดยตรง และคนเกาหลีตัวจริงจะกดแป้นโทรศัพท์กันไวมาก โดยปีล่าสุดคนเกาหลีใต้เคยไปแข่งกดส่ง sms และได้รางวัลที่ 1 ระดับโลก



1.คนเกาหลีไม่ได้ศัลยกรรมทุกคน
คนเกาหลีไม่ได้ศัลยกรรมทุกคน อย่าเข้าใจผิด เพียงแต่การศัลยกรรมที่นั่นถือเป็นเรื่องธรรมดา คนจึงทำกันเยอะ อย่าไปเรียกประเทศเค้าว่าเป็นประเทศคนหน้าพลาสติก



10 อันดับ ข้อห้ามในเกาหลี

ข้อห้ามในเกาหลี อันดับ 10 : อย่าหวังพบคนถูกใจ

ไอ้ที่คุณวาดฝันมาจากหนังรักเกาหลีทั้งหลายและหวังจะมาพบเจอหนุ่ม ตี๋หล่อผู้สุภาพหรือสาวน่ารักจิ้มลิ้มในแดนกิมจิ คุณควรยุติมันไว้แค่นั้น เพราะหนุ่มสาวส่วนใหญ่ในเกาหลีนั้นหน้าตาธรรมดามากๆ (ค่อนข้างไปทาง…..) ไม่ว่าจะไปเดินในแหล่งที่อุดมวัยรุ่นแค่ไหนก็ยังหาที่โดนใจได้ยาก เพราะที่เราเห็นสวยหล่อในหนังละครนั้นเป็นประชาชนส่วนน้อย (หนุ่มสาวชาวไทยเจ๋งกว่าเยอะ)

ข้อห้ามในเกาหลี อันดับ 9 : อย่าหวังพึ่ง ฟุด ฟิต ฟอ ไฟ

แม้คุณจะได้ความมั่นใจในการฟุด ฟิต ฟอ ไฟ จากครูเคท หรือ แอนดรูว์ บิ๊กส์ มาแล้วหลายครั้ง แต่การพูดภาษาอังกฤษในเกาหลีต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เพราะคนที่นี่นอกจากจะไม่พูดอังกฤษแล้ว เขาก็ไม่มองว่าคนพูดอังกฤษได้จะดูเป็นคนเก่งหรือน่าชื่นชมแต่อย่างใด จึงเห็นได้ชัดเจนว่าในเกาหลีมีชาวฝรั่งมาท่องเที่ยวกันน้อยเหลือเกิน 


ข้อห้ามในเกาหลี อันดับ 8  อย่าซื้อของปลอม!

ไม่ใช่จะมาโปรโมทเรื่อง ลิขสิทธิ์ทางปัญญา แต่จะบอกว่าคุณภาพของก๊อปปี้ในเกาหลีก็ไม่ต่างจากสินค้าย่านประตูน้ำสักเท่า ไหร่ ดังนั้น หากคุณจะซื้อของปลอมจากที่นั่น และมาย้อมแมวหลอกเพื่อนว่าเป็นสินค้าจากเกาหลีคุณก็อาจจะเสียเพื่อนเอาง่ายๆ

ข้อห้ามในเกาหลี อันดับ 7 อย่ามักง่าย (ในร้านฟาสต์ฟูด)

แม้กาแฟเย็นจะไม่เอาอ่าว แต่เรื่องความเป็นระเบียบวินัย และสปิริตการรักษาความสะอาดในร้านฟาสต์ฟูด คงต้องยกให้คนเกาหลี คุณคิดดูสิ นอกจากจะรณรงค์ให้คนเก็บภาชนะ เทขยะลงถังแล้ว ยังละเอียดถึงขั้นให้แยกประเภทภาชนะอีกด้วย และคนเกาหลีทั้งวัยรุ่นขาโจ๋หรือคนแก่แค่ไหน ต่างก็พร้อมใจกันทำเหมืนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ดังนั้นคุณอย่าเผลอทำตัวเหมือนในบ้านเราเด็ดขาด!

ข้อห้ามในเกาหลี อันดับ 6  อย่าสั่งกาแฟเย็น (ในร้านฟาสต์ฟูด)

ไม่เชื่ออย่าลบลู่ ถ้าคุณไม่อยากเสียเงินซื้อน้ำล้างจานฟรีๆ ไม่ได้พูดโอเว่อร์ เพราะกาแฟเย็นในร้านฟาสต์ฟูดของเกาหลีรสชาติแย่จริงๆ สันนิษฐานได้ว่าที่เกาหลีมีร้านกาแฟอยู่มากมาย และผู้คนก็ชอบที่จะดื่มกาแฟตามร้านเหล่านั้นมากกว่าดังนั้น เครื่องดื่มชนิดนี้ในร้านฟาสต์ฟูดจึงไม่ได้รับการปรับคุณภาพตามมาตรฐาน ISO แต่อย่างใด 


ข้อห้ามในเกาหลี อันดับ 5  ระวังถูกชน!

ไม่ได้หมายถึงถูกรถชนนะ! คนเกาหลีนี่แหละที่จะชนคุณจนหงายเก๋งได้ แถมยังไม่มีแม้แต่คำขอโทษ เพราะคนที่นี่ทั้งชายและหญิงต่างเดินกันเลนไหนเลนนั้น ใครขวางข้าชน ซึ่งถ้าคุณต้องสัญจรบนทางเท้าอันพลุกพล่านในเกาหลี และแน่ใจว่าไปไม่รอด ขอแนะนำให้สวมฟองน้ำไว้ที่หัวไหล่ตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน!

ข้อห้ามในเกาหลี อันดับ 4   อย่าทำอะไรกวนใจโชเฟอร์

คนเกาหลีดุมาก อันนี้เรื่องจริง แม้โชเฟอร์แท็กซี่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น หากคุณนั่งอยู่บนรถของเขาและเกิดนึกจะหยิบจับปรับช่องแอร์อะไรก็ตาม โชเฟอร์จะตวาดคุณทันทีด้วยน้ำเสียงเหมือนคุณจะเบี้ยวค่าโดยสาร และหากโชคไม่ดีคุณจะโดนตีมือดังเพี๊ยะ! ให้งงเล่น

ข้อห้ามในเกาหลี อันดับ 3  อย่าโบกแท็กซี่คันสีดำ

คุณอย่าใช้ความเคยชินในเมืองไทย ที่ว่าจะต้องขึ้นแท็กซี่รุ่นใหม่ เท่านั้นเพราะถ้าคุณ เผลอไปใช้บริการแท็กซี่สีดำที่มักจะลวงตาคุณด้วยยี่ห้อเบนซ์ หรือ บีเอ็มดับเบิ้ลยู คุณอาจจะหมดตัวเอาง่ายๆ เพราะรถประเภทนี้คือ รถเดอลุกซ์ (ภาษาเกาหลีเรียก ว่าโมบอม) และมิเตอร์จะเริ่มต้นราคาที่แพงกว่ารถคันอื่นๆ เกือบเท่าตัว! (ทางที่ดีคุณควรจะหัดขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินจะดีกว่า) 

ข้อห้ามในเกาหลี อันดับ 2  ฉ่อน จี ฮยอน ไม่ใช่ จอน จี ฮุน

หากคุณคลั่งไคล้ ฉ่อน จี ฮยอน มากถึงขั้นจะบินไปหาเธอที่เกาหลี คุณต้องท่องและออกเสียงชื่อของเธอให้ขึ้นใจว่าฉ่อน จี ฮยอน ไม่ใช่ จอน จี ฮุน ถ้าคุณไปถามคนที่นั่นว่ารู้จัก จอน จี ฮุน บ้างไหมเขาอาจจะเข้าใจว่าบุคคลนี้เป็นอาชญากรตัวร้าย และคุณคือผู้สมคบคิดข้ามแดน (ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน สถานที่ สิ่งของ เมื่ออยู่ที่นั่นแล้วคุณควรออกเสียงให้ถูกต้อง)


ข้อห้ามในเกาหลี อันดับ 1  คุณคือ Tourist ไม่ใช่ Businessman

ถ้าคุณไม่อยากเจอปัญหาหนักอกกับหน้าตาเอาเรื่องของ ต.ม. (กองตรวจคนเข้าเมือง) คุณห้ามกรอกจุดประสงค์ในการเข้ามาประเทศเกาหลีใต้ในเอกสารว่า Business อย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นคุณจะต้องเสียเวลากับกิริยาก้าวร้าวและไม่รับฟังเหตุผลของพนักงานที่นั่น จนคุณอาจจะฉุนขาดได้ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมาที่เกาหลีเพื่ออะไร คุณต้องบอกและกรอกไปว่าคุณคือ Tourist

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในเกาหลีใต้

เกาะนามิ เป็นสถานที่โรแมนติค อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่เหมาะสำหรับคู่รักหนุ่สาว ครอบครัวและเพื่อนๆ เกาะนามินี้ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำละครเกาหลี เรื่อง WINTER LOVE SONG “เพลงรักในสายลมหนาว” เกาะนามิ จะมีลักษณะรูปร่างคล้ายใบไม้ ที่ลอยยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำฮัน
จักรยานเที่ยวรอบเกาะ และสามารถดื่มด่ำกับธรรมชาติ แมกไม้ ทิวสน ต้นเกาลัดได้อีกด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมีศูนย์นิทรรศการจัดแสดงรายละเอียดสถานที่ถ่ายทำละครเกาะนามินี้ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ เช่นขี่จักรยาน สกีน้ำ พายเรือ สนามเด็กเล่น สนามฟุตบอล สนามเทนนิส สระว่ายน้ำ เล่นเลื่อนหิมะ และชม ฟาร์มนกกระจอกเทศ  และที่สำคัญคืออยู่ห่างจากกรุงโซลเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง ห่างจากกรุงโซล เพียง 63 กิโลเมตร 



สุดปลายทางด้านเหนือของ ถนนเซจองโนของกรุงโซล เราจะเห็น พระราชวังเคียงบกคุง ตั้งโดดเด่นเป็นสง่า นี่คือ พระราชวังเคียงบกคุง
พระราชวังเคียงบ๊อก พิพิธภัณท์พื้นบ้านพระราชวังเคียงบ๊อกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1394 สมัยราชวงศ์โซซอน เป็นศูนย์ บัญชาการและที่ประทับของกษัตริย์เมื่อสมัย600ปีก่อนเยี่ยมชมท้องพระโรง พลับพลากลางน้ำ ภายในพระราชวังมี พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่จำลองชีวิตความเป็นอยู่ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมของชนชาติ เกาหลีในอดีต ตลอดจนผ่านชม ทำเนียบและบ้านประธานาธิบดีคนปัจจุบัน
เป็นหนึ่งในห้าพระราชวังใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยราชวงศ์โชซอน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1937 (ค.ศ. 1394) โดย ชองโดจอน (정도전) และได้รับการต่อเติมโดยพระเจ้าแทจงและพระเจ้าเซจงมหาราช แต่บางส่วนของพระราชวังนั้นถูกเพลิงเผาวอดในช่วงที่ญี่ปุ่นบุกประเทศเกาหลี
พระราชวังมีเนื้อที่ 5.4 ล้านตารางฟุต โดยในช่วงต้นราชวงศ์โชซอนมีตำหนักอาคารมากถึง 200 อาคาร กระทั่งปี พ.ศ. 2135 ที่กองทัพญี่ปุ่นบุกรุกประเทศเกาหลี อาคารต่างๆ ได้ถูกทุบทำลาย ถูกเผาทิ้งไปเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะได้รับการบูรณะซ่อมแซม และสร้างพระราชวังขึ้นมาใหม่ในแบบฉบับเดิม โดยในปัจจุบันมีอาคารทั้งสิ้น 10 อาคาร 

โซลทาวเวอร์
โซลทาวเวอร์หรือนัมซานทาวเวอร์ ก็คือหอคอยแห่งกรุงโซล ตั้งอยู่ภายในบริเวณของสวนนัมซาน สำหรับความพิเศษของหอคอยแห่งนี้มีหลายๆส่วนที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือจุดชมวิวชั้นบนสุดที่สามารถเดินชมทัศนียภาพของกรุงโซลได้ 360 องศาผ่านบานกระจกใสอีกด้วย ซึ่งโซลทาวเวอร์แห่งนี้สามารถเที่ยวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ถ้ากลางวันก็จะเห็นวิวชัดเจน เห็นแม่น้ำฮัน เห็นภูเขาหัวมังกร ที่อยู่ด้านหลัง Blue House  แต่ถ้าไปตอนเย็นๆหรือตอนกลางคืน ก็อาจมีการโชว์เล็กๆน้อยๆ ของคนเกาหลี และก็จะเห็นเขาเล่นไฟที่ตรงตัวของหอคอย เห็นแสง สี ยามค่ำคืนของกรุงโซล
จุดเด่นโซลทาวเวอร์ (N Seoul Tower)
เป็นหอคอยแห่ง ความโรแมนติก ตั้งอยู่ที่จุดชมวิว 360 องศา สามารถชมวิวได้แบบพาโนรามา จะเห็นวิวทิวทัศได้ทั่วกรุงโซล ขึ้นมาเที่ยวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน (เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-23:00น.) ถ้ากลางวันก็จะเห็นวิวชัดเจน เห็นแม่น้ำฮัน เห็นภูเขาหัวมังกร ที่อยู่ด้านหลัง Blue House ส่วนตอนกลางคืนก็จะมีความสวยงามมาก ได้เห็นแสงสีรอบโซลยามค่ำคืน และอาจจะมีโชว์เล็กๆน้อยๆของคนเกาหลี ซึ่งจะเป็นที่สนใจอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นชาวเกาหลีหรือชาว ต่างชาติ ข้างบนหอคอยจะมีหน้าต่างกระจกที่สลักชื่อเมืองใหญ่ๆทั่วโลกและระยะห่างจาก จุดของหน้าต่างนั้นๆ เช่น New York is 11,061.86 km away from Seoul’s tower, Paris is 8,908.51 km away เป็นต้น โดยลิฟต์ที่ขึ้นมาบนหอคอย จะเป็นลิฟต์ที่มีความเร็วสูงถึง 4 เมตรต่อวินาที 
ไฮไลท์อีกอย่างก็คือ กุญแจ คู่รัก (N Seoul Tower Of Lover Keys) ด้วยความเชื่อที่ว่า คู่รักคู่ใดได้มาคล้องกุญแจที่นี่ จะทำให้ความรักยืนยาว จุดคล้องกุญแจอยู่บริเวณฐานของ N Seoul Tower โดยจะเขียนข้อความหรือชื่อของคู่รักไว้บนแม่กุญแจ แล้วก็จะนำแม่กุญแจ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ได้หมด ไปคล้องไว้กับรั้วเหล็ก ส่วนลูกกุญแจ ก็จะโยนทิ้งไปด้านล่าง

 หาดแฮอึนแด ( Haeundae Beach ) : พูซาน (Busan) นับเป็นหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเกาหลี ชื่อ แฮอึนแด
เป็นหาดที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาเยือน มากที่สุดของพูซาน หาดแฮอึนแดตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมือง รายล้อมด้วยโรงแรมและรีสอร์ทหลายแห่ง
ชื่อหาดแฮอึนแดมีที่มาจาก “ชอย ชี วอน” (Choi Chi Won) นักปราชญ์ในสมัยซิลลาที่เกิดประทับใจ ในความงามของหาดจนได้บันทึกชื่อ แฮอึนแดบนกำแพงหิน


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเกาหลีใต้

สาธารณรัฐเกาหลี (อังกฤษRepublic of Koreaฮันกึล: 대한민국; ฮันจา: 大韓民國) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า เกาหลีใต้ (อังกฤษ:South Korea) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออก มีพื้นที่ครอบคลุมส่วนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พรมแดนทางเหนือติดกับประเทศเกาหลีเหนือ มีประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้โดยมีทะเลญี่ปุ่นและช่องแคบเกาหลีกั้นไว้
ในภาษาเกาหลีอ่านชื่อประเทศว่า แทฮันมินกุก (อักษรฮันกึล: 대한민국; อักษรฮันจา: 大韓民國) โดยเรียกสั้น ๆ ว่า ฮันกุก (한국) ที่หมายถึงคนชาวฮั่นหรือคนเกาหลี และบางครั้งจะใช้ชื่อว่า นัมฮัน (남한) ที่หมายถึง ชาวฮั่นทางใต้ ส่วนชาวเกาหลีเหนือจะเรียกเกาหลีใต้ว่า นัมโชซ็อน(남조선) ที่หมายถึง โชซ็อนใต้

สภาพอากาศ ที่ เกาหลี
อุณภูมิโดยเฉลี่ยของเกาหลี ที่เกาหลีจะแบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล
  1. - ใบไม้ผลิ ของเกาหลี ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม อุณหภูมิเกาหลีโดยเฉลี่ยช่วงนี้ 6 ถึง 16 องศา ช่วงนี้จะมีดอกไม้ค่อนข้างเยอะและสวยงาม ดอกไม้จะเริ่มผลิใบและแสงแดดกำลังสวยงาม เดินทางไปช่วงนี้ก็อากาศสบายๆ ใส่เสื้อผ้าสบายๆได้
  2. - หน้าร้อน ของเกาหลี ช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม อุณหภูมิเกาหลีโดยเฉลี่ย 22 ถึง 38 องศา ขอบอกว่าช่วงนี้อากาศร้อนเหมือนบ้านเราเลย แต่อาจจะมีฝนตกบางวัน และช่วงนี้ต้นไม้จะเป็นสีเขียว ต้นหญ้าสีเขียว เดินทางช่วงนี้สำคัญเลยคือการพกร่มติดตัวไปด้วย แต่โดยเฉลี่ยส่วนมาราคาห้องพักตั๋วเดินทางต่างจะราคาถูกก็ช่วงนี้แหละ
  3. - ฤดูใบไม้ร่วง – ใบไม้เปลี่ยนสีของเกาหลี ช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน อุณหภูมิโดยเฉลี่ย ของเกาหลี 5 ถึง 25 องศา ขอบอกว่าเกาหลีช่วงนี้อากาศสดชื่นมากๆ ท้องฟ้าแจ่มใส ใบไม้เปลี่ยนสี อย่างสวยงาม สำคัญคือช่วงนี้เป็นช่วงที่ผู้คนชอบในการเดินทางเที่ยวเป็นอย่างมากอะไรอะไรก็แพ๊งแพงแต่ก็คุ้มค่ากับราคา การแต่งกายนั้นจัดเต็มได้เลย เสื้อผ้าสีสันสวยงามถ่ายรูปกับธรรมชาติหลากสี
  4. - ฤดูหนาว ของเกาหลี ช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของเกาหลี -5 ถึง -20 องศา อากาศของเกาหลีช่วงนี้จะแห้งและหนาวมาก เกาหลีหนาวจัด เกาหลีหนาวเวอร์ เกาหลีหนาวเหน็บ หรืออาจจะมีหิมะตกด้วยบางวัน สำคัญเลย การแต่งกายช่วงนี้เตรียมเสื้อผ้าที่สามารถทำความอุ่นให้ร่างกายได้มากที่สุด และอย่าลืมเตรียมแผ่นร้อนไปด้วยก็จะดี เดินทางช่วงนี้ห้ามพลาดกับการเล่นสกีล่ะ เด็ดมากๆ สำหรับฤดูกาลนี้ของเกาหลี

  1. สกุลเงินเกาหลี
    สกุลเงินที่ใช้ในเกาหลี คือ สกุลเงินวอน / 1,000 วอน แลกเงินไทยได้ประมาณ 28-30 บาท
    ตรวจสอบ อัตราแลกเปลี่ยน เงินตราต่างประเทศ 





  2. เวลา
    ประเทศเกาหลี เวลาจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง หากเดินทางไปถึงแล้ว อย่าลืมปรับนาฬิกา เพื่อความสะดวกในการนัดหมาย กับหัวหน้าทัวร์ / ไกด์ หรือเดินทางขึ้นเครื่องกลับด้วยนะจ๊ะ เพื่อไม่ให้พลาดในสิ่งสำคัญต่างๆ ระหว่างการเดินทาง